You are currently viewing ความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า: ภัยร้ายใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม

ความอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า: ภัยร้ายใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม

ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของชีวิต แม้แต่การเสพบุหรี่ก็ยังมีการพัฒนาไปสู่รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “บุหรี่ไฟฟ้า” (E-Cigarette หรือ Vape) ซึ่งถูกโปรโมตว่าเป็นทางเลือกที่ “ปลอดภัยกว่า” บุหรี่ธรรมดา หรือเป็นตัวช่วยเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพ แต่ความจริงนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง บุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีอันตราย และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายระดับ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนที่ตกเป็นเหยื่อของการตลาดแบบแฝง


บุหรี่ไฟฟ้าคืออะไร?

บุหรี่ไฟฟ้าคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้แบตเตอรี่ในการทำให้ของเหลวระเหยกลายเป็นไอ เพื่อให้ผู้ใช้สูดดมเข้าไปในร่างกาย ของเหลวดังกล่าวหรือที่เรียกกันว่า “น้ำยา” มักประกอบด้วยสารนิโคติน กลีเซอรีน กลีเซอรอล โพรพิลีนไกลคอล และสารแต่งกลิ่นรสต่าง ๆ เช่น กลิ่นผลไม้ กลิ่นขนม หรือกลิ่นมิ้นต์

แม้ดูเผิน ๆ แล้วบุหรี่ไฟฟ้าจะให้ความรู้สึก “เบา” หรือ “สะอาด” กว่าบุหรี่ทั่วไป เพราะไม่มีการเผาไหม้ ไม่มีกลิ่นเหม็นติดตัว แต่ความจริงแล้ว สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาและไอที่สูดเข้าไปล้วนแต่เป็นอันตรายต่อระบบหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงระบบสมองโดยเฉพาะในวัยที่ยังเจริญเติบโต


ความเข้าใจผิดที่อันตราย

หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดของบุหรี่ไฟฟ้าคือ ความเข้าใจผิด ที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย หรือช่วยเลิกบุหรี่ได้จริง ทั้งที่มีงานวิจัยมากมายชี้ให้เห็นว่า

  1. นิโคตินยังคงอยู่: แม้จะเป็นบุหรี่ไฟฟ้า แต่น้ำยาส่วนใหญ่ยังคงมีนิโคติน ซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีผลต่อสมอง ทำให้เกิดการเสพติดไม่ต่างจากบุหรี่ทั่วไป
  2. ไม่ได้ช่วยเลิกบุหรี่เสมอไป: หลายคนเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อหวังเลิกบุหรี่ แต่กลับกลายเป็นว่าใช้ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้าควบคู่กัน เรียกว่า “Dual Use” ทำให้ยิ่งอันตรายมากขึ้น
  3. สร้างภาพลักษณ์ผิด ๆ: บุหรี่ไฟฟ้าถูกตกแต่งให้ดูทันสมัย มีดีไซน์สวยงาม จึงดึงดูดกลุ่มวัยรุ่นอย่างมาก และทำให้พวกเขาเข้าใจว่าไม่เป็นอันตราย

บุหรี่ไฟฟ้า

ผลกระทบต่อสุขภาพ

1. ทำลายปอดและระบบทางเดินหายใจ

แม้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าจะไม่มีควันจากการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา แต่ไอระเหยที่เกิดขึ้นยังคงประกอบด้วยอนุภาคเล็ก ๆ ที่สามารถเข้าไปในถุงลมปอด ทำให้เกิดการระคายเคือง การอักเสบ และความผิดปกติของปอดในระยะยาว มีรายงานจากต่างประเทศพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบรุนแรงที่เกิดจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า (EVALI) ซึ่งบางรายถึงขั้นเสียชีวิต

2. ส่งผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด

นิโคตินที่เข้าสู่ร่างกายจะกระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ หลอดเลือดตีบ และเส้นเลือดในสมองแตกในระยะยาว

3. ส่งผลต่อสมองของเยาวชน

ในวัยรุ่นที่สมองยังอยู่ในช่วงพัฒนา การได้รับนิโคตินสามารถทำให้สมองมีการเปลี่ยนแปลงในด้านความจำ สมาธิ และการควบคุมอารมณ์ นอกจากนี้ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสพติดสารเสพติดชนิดอื่นในอนาคต

4. ทำให้เกิดการเสพติดแบบไม่รู้ตัว

กลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนมักเริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่รู้ว่ามีนิโคติน หรือประเมินปริมาณนิโคตินไม่ถูกต้อง ทำให้ตกอยู่ในสภาวะ “ติด” โดยไม่รู้ตัว เมื่อรู้สึกเครียด หงุดหงิด หรือไม่มีสมาธิ จะต้องกลับมาสูบซ้ำเรื่อย ๆ


บุหรี่ไฟฟ้า

ความเสี่ยงอื่น ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

  • อุบัติเหตุจากแบตเตอรี่ระเบิด: มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากแบตเตอรี่ของบุหรี่ไฟฟ้าที่ระเบิดในกระเป๋ากางเกง หรือระเบิดขณะใช้งาน
  • อันตรายต่อคนรอบข้าง: ไอบุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารเคมีตกค้างที่สามารถเป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ใกล้ โดยเฉพาะเด็กและผู้มีโรคประจำตัว
  • ละเมิดกฎหมายและระเบียบโรงเรียน: บุหรี่ไฟฟ้าถูกห้ามจำหน่ายและนำเข้าในประเทศไทย หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ และการพกพาไปในโรงเรียนยังถือเป็นการกระทำผิดกฎระเบียบอย่างร้ายแรง

สถิติและแนวโน้มในไทย

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) พบว่า ในปี 2567 มีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 15–24 ปี ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากเข้าถึงง่าย ราคาถูก และสามารถซื้อผ่านออนไลน์โดยไม่ต้องแสดงบัตรประชาชน


หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์

  • กระทรวงสาธารณสุข: มีแคมเปญรณรงค์ “บุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัย” พร้อมให้ความรู้ตามโรงเรียนและสื่อออนไลน์
  • สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.): มีนโยบายเข้มงวดห้ามนักเรียนใช้หรือพกพาบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน
  • สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.): เข้มงวดกับการโฆษณาแฝงบนโซเชียลมีเดียที่ส่งเสริมการใช้บุหรี่ไฟฟ้า

บุหรี่ไฟฟ้า

วิธีป้องกันและแนวทางแก้ไข

  1. ให้ความรู้แบบตรงไปตรงมา: พ่อแม่ ครู และบุคลากรทางการแพทย์ควรพูดคุยกับเยาวชนอย่างเปิดใจ โดยอธิบายถึงผลกระทบจริง ๆ ของบุหรี่ไฟฟ้า
  2. เสริมทักษะการปฏิเสธ: ให้เยาวชนมีทักษะในการปฏิเสธอย่างมั่นใจเมื่อถูกชักชวน
  3. สนับสนุนกิจกรรมที่สร้างสรรค์: หันไปทำกิจกรรมอื่นแทน เช่น กีฬา ดนตรี ศิลปะ เพื่อไม่ให้รู้สึกเบื่อหรือหันไปหาสิ่งเสพติด
  4. ติดตามพฤติกรรมออนไลน์: พ่อแม่ควรเข้าใจว่าเด็กสามารถสั่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์ได้ง่าย ควรตรวจสอบแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่พวกเขาใช้งาน
  5. ร่วมมือกับโรงเรียนและชุมชน: จัดกิจกรรมรณรงค์ต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

สรุป

บุหรี่ไฟฟ้าอาจดูเหมือนไม่อันตราย และดูทันสมัย แต่แท้จริงแล้วมันคือภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของผู้ใช้ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่อาจยังขาดวุฒิภาวะในการตัดสินใจ การให้ข้อมูลที่ถูกต้อง การมีส่วนร่วมของครอบครัว สถานศึกษา และสังคม คือทางรอดที่สำคัญในการหยุดยั้งการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนที่เราจะสูญเสียอนาคตของชาติไปกับอุปกรณ์ที่ดูเหมือนจะไร้พิษภัยเหล่านี้

ดูสาระน่ารู้อื่นๆ ได้ที่ สาระน่ารู้ จากเราเพื่อเพื่อนๆทุกคน – Ikhwarn.com